พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในฝรั่งเศส เพราะพิพิธภัณฑ์ลูฟร์นั้นเป็นแหล่งรวบรวมผลงานทางศิลปะมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ผลงานจิตรกรรมหรือผลงานประติมากรรม ทั้งนี้ งานศิลปะเหล่านั้นยังสามารถบอกเล่าถึงประวัติศาสตร์ได้อีกด้วย โดยผลงานชื่อดังในพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ที่ทุกคนรู้จักดีนั่นก็คือภาพวาด โมนาลิซ่า วาดโดยจิตรกรชื่อดังจากอิตาลี เลโอนาโด ดา วินชี นั่นเอง และผลงานศิลปะชื่อดังในพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ยังมีอีกมายมาก ถ้าอยากรู้ว่าอะไรอีกบ้าง ไปดูกันเลย
Table of Contents
ประวัติของพิพิธภัณฑ์ลูฟร์
พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ พิพิธภัณฑ์ชื่อดังของประเทศฝรั่งเศส เป็นสถานที่ที่รวมเรื่องราวทางประวัติศาสตร์เอาไว้มากมาย แต่ก่อนที่จะมาเป็นพิพิธภัณฑ์ลูฟร์อย่างในปัจจุบันนี้ พิพิธภัณฑ์ลูฟร์แห่งนี้เคนเป็นพระราชวังมาก่อน ซึ่งความเป็นมาจะเป็นอย่างไรบ้าง ไปดูกันเลย
พระราชวังลูฟร์
ก่อนจะมาเป็นพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ที่โด่งดังแบบนี้นั้น ที่แห่งนี้เริ่มจากการเป็นป้อมปราการของกษัตริย์ฟิลิปส์ที่ 2 มาก่อน และได้กลายมาเป็นพระราชวังลูฟร์ในรัชสมัยพระเจ้าฟรองซัวส์ที่ 1 (François Premier) กษัตริย์นักสะสมงานศิลปะ โดยมีสถาปนิกเอก ปีแยร์ เลโก (Pierre Lescot) เป็นผู้ดูแลการออกแบบและก่อสร้างต่อเนื่องมาถึงรัชสมัยพระเจ้าอองรีที่ 2 และพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 9 พอเปลี่ยนรัชสมัยมาเรื่อยกษัตริย์ฝรั่งเศสเกือบทุกพระองค์ก็ได้ขยายและปรับพื้นที่ราชวังลูฟร์ให้ใหญ่มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในช่วงศตวรรษที่ 17 ที่เป็นรัชสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 13 และพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ใน ทั้งสองพระองค์นำผลงานศิลปะมากมายมาเก็บไว้ในพระราชวังลูฟร์แห่งนี้ โดยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 นั้นได้งานศิลปะของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 1 แห่งอังกฤษมาครอบครอง หลังจากทำสงครามกลางเมืองกับอังกฤษ และต่อมาในปีค.ศ. 1682 พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 จึงได้ย้ายไปประทับอยู่ที่พระราชวังแวร์ซายส์นั่นเอง
พิพิธภัณฑ์ลูฟร์
หลังจากนั้นกษัตริย์หลุยส์ที่ 14 ได้ย้ายไปประทับที่พระราชวังแวร์ซายส์ พระราชวังลูฟวร์ได้ปรับเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ลูฟร์นั่นเอง โดยภายในพิพิธภัณฑ์ลูฟร์แห่งนี้จะแบ่งออกเป็น 3 ปีก ได้แก่ Richelieu จะอยู่ทางทิศเหนือ, Sully จะเป็นอาคารสี่เหลี่ยมทางทิศตะวันออก และ Denon จะอยู่ทางทิศใต้โดยจะขนานกับแม่น้ำแซน ซึ่งแต่ละปีกนั้นจะแบ่งเป็นสัดส่วน และจัดเก็บศิลปะแบ่งตามประเภทและยุคสมัย ทั้งนี้ พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ยังเป็นในปรากฏอยู่ในภาพยนตร์ชื่อดังอย่าง The Davinci Code อีกด้วย โดยผลงานบางชิ้นในพิพิธภัณฑ์ลูฟร์นั้นมีความสวยงาม และน่าตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ยังเป็นศิลปะที่ทรงคุณค่าและไม่สามารถประเมินราคาได้อีกดกด้วย สำหรับใครที่ชอบเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ หรือชื่นชอบในงานศิลปะนั้นควรมาเป็นอย่างมาก เพราะที่มีที่งานศิลปะที่สำคัญและมีชื่อเสียงอย่าง ภาพวาดโมนาลิซ่า (Mona Lisa) ของศิลปินดาวินชี (Da Vinci), รูปปั้นเทพีวีนัส (Venus de Milo), ภาพพิธีบรมราชาภิเษกของจักรพรรดินโปเลียน (Coronation of the Emperor Napoleon) และอีกมากมาย
ผลงานดังในพิพิธภัณฑ์ลูฟร์
พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ สถานที่ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของผลงานศิลปะ ไม่ว่าจะเป็นผลงานจิตรกรรม หรือว่าผลงานประติมากรรม โดยผลงานแต่ละชิ้นในพิพิธภัณฑ์ลูฟร์นั้นก็มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก ซึ่งผลงานชื่อดังในพิพิธภัณฑ์ลูฟร์จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย
ผลงานจิตรกรรม
โมนาลิซ่า (Mona Lisa)
โมนาลิซ่า (Mona Lisa) หญิงสาวผู้มีรอยยิ้มเป็นปริศนา ผลงานเลื่องชื่อในพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ โดยผลงานนี้เป็นจิตรกรรมภาพเขียนสีน้ำมันของเลโอนาโด ดา วินชี ภาพวาดโมนาลิซ่านั้นมีขนาดสูงถึง 77 เซนติเมตร และกว้าง 53 เซนติเมตร เลโอนาโด ดา วินชี ใช้เวลาในการวาดภาพนี้ถึง 4 ปี ตั้งแต่ปีค.ศ. 1503–1507 ภาพวาดโมนาลิซ่านั้นถูกจัดแสดงอยู่กลางห้องโถงใหญ่ โยมีภาพวาดอื่น ๆ แขวนอยู่รอบด้าน ด้วยความที่ภาพโมนาลิซ่าเคยถูกขโมยออกไปจากพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ จึงทำให้ภาพนี้ถูกเก็บรักษาอย่างดีในตู้กระจกกันกระสุน
Liberty Leading the People
ภาพวาด Liberty Leading the People เป็นผลงานจิตรกรรมโดย Eugène Delacroix วาดไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์ของการปฏิวัติฝรั่งเศสในเดือนกรกฎาคมใน ค.ศ. 1830 โดยมีการล้มกษัตริย์อย่างพระเจ้าชาร์ลที่ 10 แห่งฝรั่งเศส ภาพวาด Liberty Leading the People นี้เป็นการวาดบนผ้าใบโดยใช้สีน้ำมัน โดยวาดเป็นสตรีคนหนึ่งที่กำลังพาผู้คนเดินข้ามเครื่องกั้นและกองศพไปข้างหน้า โดยในมือของมีธงของการปฏิวัติฝรั่งเศส และข้างหนึ่งถือปืนคาบศิลาเอาไว้ ผลงานจิตรกรรมชิ้นนี้ถือเป็นผลงานชิ้นเอกของ Eugène Delacroix เลยก็ว่าได้
ผลงานประติมากรรม
Venus de Milo
ผลงานประติมากรรมหินอ่อนแกะสลักรูปเทพีวีนัส (Venus De Milo) เทพีแห่งความรักตำนานปกรณัมกรีก ประติมากรรมชิ้นนี้มีอายุราวกว่า 2,100 ปี และถูกค้นพบเมื่อวันที่ 8 เมษายน ปีค.ศ. 1820 โดยเกษตรกรนามว่า Yorgos Kentrotas เขาได้พบชิ้นส่วนของรูปปั้นเทพีวีนัสบริเวณเกาะมิโล แถบทะเลเอเจียน ถึงรูปปั้นนี้จะหักเป็นสองท่อน แต่กลับกลายเป็นผลงานประติมากรรมสตรีที่สวยที่สุดในโลก เพราะถึงแม้งานประติมากรรมชิ้นนี้จะไม่สมบูรณ์ แต่ก็ยังรายละเอียดที่ดูงดงามเป็นอย่างมาก รูปปั้น Venus De Milo นั้นถูกปั้นโดย Alexandros of Antioch ซึ่งเป็นประติมากรตั้งแต่สมัยกรีกนั่นเอง
The Winged Victory of Samothrace
The Winged Victory of Samothrace ผลงานประติมากรรมรูปเทพีไนกี้ที่หัวขาด เป็นประติมากรรมที่มีชื่อเสียงของโลก และถูกจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1884 โดยผลงานชิ้นนี้เป็นประติมากรรมในยุคกรีกและใช้เทคนิคการแกะสลักจากหินอ่อน ซึ่งรูปปั้นนี้ถูกสร้างขึ้นในราว 300 ปีก่อนคริสตกาลเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะของกรีซในการรบที่ซาโมเทรซ และผลงานประติมากรรมชิ้นนี้ก็ถูกค้นพบบนเกาะซาโมเทรซ ประเทศกรีซ ในปี ค.ศ. 1863
พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ พิพิธภัณฑ์รวบรวมเหล่าผลงานศิลปะเอาไว้มากมาย เดิมทีพิพิธภัณฑ์ลูฟร์แห่งนี้เคยเป็นพระราชวังมาก่อน แต่หลังจากที่พระราชวังแวร์ซายส์สร้าง กษัตริย์จึงย้ายไปประทับที่นั่น และให้พระราชวังลูฟร์กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ และเก็บผลงานจิตรกรรมและประติมากรรมไว้ ในช่วงแรก ผลงานศิลปะส่วนใหญ่ในพิพิธภัณฑ์ลูฟร์จะเป็นของสะสมของกษัตริย์ แต่ในช่วงหลังนั้นก็กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก็บผลงานของเหล่าศิลปะชื่อดังด้วย เช่น ภาพวาดโมนาลิซ่า ที่เป็นผลงานของ เลโอนาโด ดา วินชี เป็นต้น